รีวิวเที่ยวซีอาน หัวซาน ลั่วหยาง 5 วัน 4 คืน
ตะลุยจีนด้วยตัวเอง 5 วัน 4 คืน ซีอาน ฮวาซาน ลั่วหยาง ตระเวนเก็บมรดกโลก สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ภูเขาหัวซาน ถ้ำผาหลงเหมิน แนะนำที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวครบ อ่านจบเที่ยวตามได้เลย
Table of Contents
ถาม: ซีอานมีอะไรเจ๋ง! อ่ะ จัดไปแบบกระชับ!
- จิ๋นซีฮ่องเต้
- เปาบุ้นจิ๋น แห่งศาลไคฟง
- วัดเส้าหลิน ปรจารย์ตั๊กม้อ
- วัดกวนอู และสุสานกวนอูแห่งสามก๊ก
- ลั่วหยาง เมืองแห่งวรยุทธ์จีน
- ภูเขาหัวซาน ฉากหลังแห่งละครกำลังภายในจีน
ซีอาน เที่ยวช่วงไหนดี
- กันยายน ถึง พฤศจิกายน 5 – 20 องศา C
- มีนาคม เมษายน และพฤษภาคม 4 – 25 องศา
ซีอานไม่ควรไปช่วงไหน
ทุกเทศกาลวันหยุดจีนแบบบ้านเราครบ คนแน่นมาก 55
การแต่งกายประมาณไหนดีนะ
- หนาวมาก: Heattech Extrawarm + เสื้อแจ๊คเก็ตดี ๆ สักตัว
- เย็น ๆ: Heattech ธรรมดา + เสื้อยีนส์ หรือ เสื้อแขนยาวสบาย ๆ
App ที่ต้องมี
- Alipay สำหรับการจ่ายเงินซึ่งผูกกับบัตรอะไรก็ได้ที่เป็น VISA, Mastercard, UnionPay และ JCB
- WeChat Pay เช่นเดียวกับ Alipay ครับ
- DIDI App เรียกรถครับ ซึ่งสามารถเข้าได้จาก Alipay เลย
- Google Translate ใช้ให้คล่อง สำคัญมาก
- Baidu และ Map.me สำหรับแผนที่
- MetroMan China สำหรับดูเส้นทางรถไฟฟ้า
การชำระเงินในจีนมีอะไรบ้าง
- เงินสด: ที่ซีอานใช้เงินสดสบายครับ (ตอนไปคุนหมิงหลายที่ไม่ให้ใช้)
- Alipay: App หลักสำหรับจ่ายเงินเลยครับ ควรมี
- TrueMoney Wallet: มีค่าธรรมเนียมนิดหน่อย ใช้จองตั๋วรถไฟได้ ร้านค้าส่วนใหญ่รับ
- K Plus: ใครใช้ KBank อยู่สามารถใช้ App นี้จ่ายได้เช่นกัน
- WeChat Pay: เอมไม่ได้ใช้นะครับ แต่มีสำรองไว้ก็ได้ครับ
- Credit Card: เอมใช้ VISA นะครับ มีลองใช้บ้าง ใช้ได้เช่นกันครับ
แนะนำเพิ่มเติมเรื่องการชำระเงิน
เพื่อความสะดวกสบาย และป้องกันการมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินหน้างาน เอมแนะนำให้เตรียมเรื่องวิธีการชำระเงินให้หลากหลายรูปแบบครับ สำหรับเอมหลัก ๆ จะเป็น Alipay, TrueMoney Wallet, K Plus และเงินสดครับ
ซิมอินเตอร์เนท
ขาดเน็ต เหมือนขาดใจ ยิ่งในกรณีมาจีนนั้น สำหรับเอมสัญญาณอินเทอร์เนทสำคัญมาก ๆ ตัวเลือกหลัก ๆ ก็จะมีซิมท่องเที่ยวต่างประเทศและการเปิดโรมมิ่ง ซึ่งหลักใหญ่ใจความคือ *อย่าพยายามให้เน็ตหมด* โดยเฉพาะในกรณีที่ไปเที่ยวเอง เพราะเราแทบจะใช้ App อะไรไม่ได้เลยครับ รวมถึงการเรียกรถ การจ่ายเงินใด ๆ
คำถาม เอมไป 5 วัน 4 คืน เอมใช้ 10GB++ ครับ ลักษณะการใช้งานคือ ฟัง podcast ระหว่างเดินทางบ่อยครับ ดูยูทูปด้วย
รวมข้อมูลการเดินทาง
การเดินทางจากไทย
การเดินทางจากไทยไปซีอานครั้งนี้ เอมใช้บริการสายการบิน AirAsia สายการบินที่บินตรงสู่จีนมากที่สุดครับ แนะนำให้จอง Package Premium Flex ที่เราจะได้น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 20 กิโลกรัม เลือกที่นั่งและอาหารระหว่างบินครับ คุ้มค่าแน่นอน
การเดินทางระหว่างทริป
- เก่าเถี่ย หรือรถไฟความเร็วสูง จองที่ trip.com ทุกเที่ยวครับ
- ตีเถี่ย หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน สำหรับการเดินทางในเมือง
- DIDI หรือ App เรียกรถของจีนสำหรับการเดินทางในเมือง
การจองรถไฟความเร็วสูงในทริป ทริปของเอมครั้งนี้ เอมย้ายเมืองทุกคืนครับ และการเดินทางนั้นเอมจะใช้ รถไฟความเร็วสูงเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถจองกับ trip.com ได้เลยครับ
เคล็ดลับสำหรับการจองรถไฟความเร็วสูง
- รถไฟความเร็วสูงที่จีนจะมีทั้งแบบ 2nd Class, 1st Class และ Business Class
- ทุกที่นั่งจะมีที่ชาร์จ Powerbank ให้ โดยตัวเสียบจะเป็น USB
- มีที่วางกระเป๋า ห้องน้ำ และที่เก็บสัมภาระ
- มีที่นั่งแน่นอนในกรณีจอง 1st Class (ไม่แน่ใจการจองประเภทอื่นนะครับ)
- แนะนำให้จองที่พักใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟเพื่อง่ายในการเดินทาง
คำแนะนำเพิ่มเติมการเดินทาง
- ทุกการนั่งรถไฟทุกประเภท เราจะโดนตรวจสัมภาระทุกอย่างเสมอ
- เซฟชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปเป็นภาษาจีนให้หมด เพื่อง่ายต่อการขอความช่วยเหลือ
- หลีกเลี่ยงการพกสเปรย์ที่มีปริมาตรสุทธิมากกว่า 100ml ครับ โดนยึดแน่นอน
คำแนะนำในการใช้ DIDI หรือ App เรียกรถของจีน
- เซฟชื่อทุกสถานที่เป็นภาษาจีนแบบที่เราสามารถ copy วางลงใน App ได้
- เราสามารถกด App DIDI ได้ใน App AliPay ครับ (เข้า Alipay จะมี DIDI อยู่)
- มองหาจุดที่คนขับจะรับเราได้ง่าย หรือมีที่สถานที่ หรือร้านค้าที่อ้างอิงได้ง่าย
- ใน App DIDI เราสามารถส่งรูปจุดที่เรารออยู่ได้ แต่สัญญาณเน็ตชอบมีปัญหาครับ 55
- พอคอนเฟิร์มบริการแล้ว จะมีข้อความอัตโนมัติที่บอกว่า “ฉันสื่อสารภาษาจีนไม่ได้” จิ้มเลยครับ
- แนะนำให้จำเบอร์โทรศัพท์ให้ได้ เซฟเบอร์ไว้ให้คนขับดูก็ดีครับ บางกรณีต้องใช้ยืนยันตัวตน
- ชำระค่าบริการผ่าน AliPay
สิ่งของแนะนำเพิ่มเติม
- ผงแก้เท้าเหม็น พกเลยครับ เพื่อสุขภาวะของคนที่ไปด้วย
- ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานวดแบบซองเล็ก ยาแก้แพ้ต่าง ๆ
- Powerbank ความจุไฟฟ้าห้ามเกิน 20,000 mah ตัวเลขต้องชัดเจน
- ห้ามชาร์จ Powerbank บนเครื่องบินเด็ดขาด!
- เซฟรูปข้อมูลไฟลท์ตั๋วจข้อมูลไปกลับให้พร้อมหรือปริ้นท์มาเลยก็ได้
- เซฟรูปโรงแรมที่พักของโรงแรมพร้อมชื่อเป็นภาษาจีน เบอร์โทรติดต่อให้ครบถ้วน หรือจะปริ้นท์มาก็ได้
การเตรียมตัวเข้า ตม.
ด้วยความที่จีนฟรีวิซ่าแล้ว เราจะกรอกแค่ใบ ตม.ขาเข้า หรือ Arrival Card สองหน้าครับ ซึ่ง Arrival Card นี้พี่พี่แอร์หรือสจ๊วตจะมอบให้เราตั้งแต่อยู่บนเครื่องเลยครับ (อันนี้เรานั่ง AirAsia มานะ) แต่สำหรับสายการบินอื่นเราไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อลงมาถึงสนามบินที่จีน แล้วช่วงก่อนถึงช่องผ่าน ตม. ก็จะมีให้กรอกใบ ตม. นี้อยู่นะครับ
คำถามต่าง ๆ จะมีตามด้านล่างเลยครับ
- หน้าแรก: ชื่อสกุล, วันเดือนปีเกิด, หมายเลข Passport, Flight ขามา, เมืองที่มาเที่ยว, จุดประสงค์ของการมาเที่ยว
- หน้าที่สอง: ไฟลท์ขากลับ, เบอร์ติดต่อที่จีน (หากไม่มีญาติใส่เบอร์โทรโรงแรมที่พัก), ประเทศที่เราไปเที่ยวมาภายในสองปีนี้
แผนการเดินทาง
- วันที่ 1: สนามบินซีอานเสียนหยาง (XIY) > สถานีรถไฟซีอานเป่ย (Xian North Railway Station) > เมืองลั่วหยาง > Ibis Hotel (Luoyang Wangfujing Hotel)
- วันที่ 2: เช็คเอ๊าท์ > ถ้ำผาหลงเหมิน > วัดกวนอู > ประตูลี่จิงเหมิน > หัวซาน > Jimo Cutural Inn
- วันที่ 3: เช็คเอ๊าท์ > เดินเทรลที่หัวซาน 7 ชั่วโมง > เมือง Lintong > Ibis Hotel
- วันที่ 4: เช็คเอ๊าท์ > สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ > เมืองซีอาน > King Town No.1 Hotel > หอระฆังและหอกลอง > ป้อมปราการเมืองซีอาน
- วันที่ 5: ตลาดมุสลิม > มัสยิดแห่งซีอาน > เช็คเอ๊าท์และเดินทางกลับอย่างปลอดภัย
คีย์เวิร์ดที่เที่ยวพร้อมภาษาจีน
- ถ้ำผาหลงเหมิน 龙门石窟
- วัดกวนอู 关林
- ประตูลี่จิงเหมิน 丽景门景区
- สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ 秦兵马俑和秦始皇陵墓
- หอระฆังและหอกลอง 西安钟楼
- ป้อมปราการเมืองซีอาน 西安城墙
- ตลาดมุสลิม Huimin Street 回民街
- มัสยิดซีอาน 西安大清真寺
การเตรียมตัวเข้า ตม.
ด้วยความที่จีนฟรีวิซ่าแล้ว เราจะกรอกแค่ใบ ตม.ขาเข้า หรือ Arrival Card สองหน้าครับ ซึ่ง Arrival Card นี้พี่พี่แอร์หรือสจ๊วตจะมอบให้เราตั้งแต่อยู่บนเครื่องเลยครับ (อันนี้เรานั่ง AirAsia มานะ) แต่สำหรับสายการบินอื่นเราไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อลงมาถึงสนามบินที่จีน แล้วช่วงก่อนถึงช่องผ่าน ตม. ก็จะมีให้กรอกใบ ตม. นี้อยู่นะครับ
คำถามต่าง ๆ จะมีตามด้านล่างเลยครับ
- หน้าแรก: ชื่อสกุล, วันเดือนปีเกิด, หมายเลข Passport, Flight ขามา, เมืองที่มาเที่ยว, จุดประสงค์ของการมาเที่ยว
- หน้าที่สอง: ไฟลท์ขากลับ, เบอร์ติดต่อที่จีน (หากไม่มีญาติใส่เบอร์โทรโรงแรมที่พัก), ประเทศที่เราไปเที่ยวมาภายในสองปีนี้
คีย์เวิร์ดที่เที่ยวพร้อมภาษาจีน
- ถ้ำผาหลงเหมิน 龙门石窟
- วัดกวนอู 关林
- ประตูลี่จิงเหมิน 丽景门景区
- หัวซาน 华山
- เมือง Lintong 临潼区
- สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ 秦兵马俑和秦始皇陵墓
- หอระฆังและหอกลอง 西安钟楼
- ป้อมปราการเมืองซีอาน 西安城墙
- ตลาดมุสลิม Huimin Street 回民街
- มัสยิดซีอาน 西安大清真寺
ค่าใช้จ่ายควรรู้
- ค่าตั๋วเครื่องบิน AirAsia ไปกลับสองคน = 27,200 (คนละ 13,580)
- Ibis Hotel (Luoyang Wangfujing Hotel) = 1,130 ต่อคืน (คนละ 565)
- Jimo Cutural Inn = 710 ต่อคืน (คนละ 355)
- Ibis Hotel (Terracotta Warriors Scenic Spot) = 950 ต่อคืน (คนละ 475)
- King Town No.1 Hotel = 1,110 ต่อคืน (คนละ 555 )
- 1st Class: Xian North Railway Station ไป Luoyang Longmen = 1,410
- 1st Class: Luoyang Longmen ไป Huashan North = 960
- CSR: Huashan ไป Lintong = 115
- ค่าเข้าสุสานจิ๋นซี คนละ = 600
- ค่าเข้าถ้าผาหลงเหมิน = 450
- ค่าเข้าวัดกวนอู = 200
รวมค่าใช้จ่ายต้องเตรียม
- รวมค่าใช้จ่ายที่มาแน่ ๆ = 13,580 + 5,685 = 19,265
- *ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมกินดื่ม DIDI และช้อปปิ้งส่วนบุคคล
พิกัดสำคัญ
ทริปเปิดใจไปจีนครั้งนี้ เอมจะพาเพื่อน ๆ ตะลุย 3 เมืองใหญ่ ๆ ที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนนะครับ
- ซีอาน: เมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เคยเป็นเมืองหลวงสมัย 13 ราชวงค์
- ลั่วหยาง: หรือลกเอี๋ยง เป็นเมืองที่เป็นสี่เมืองหลวงเก่าที่ยิ่งใหญ่ และเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมจีนมากมาย
- หัวซาน: 1 ใน 5 ยอดเขาชื่อดังของจีน จริง ๆ อ่านว่า ฮวาซาน นะครับ แต่เอมจะเขียนหัวซานเพื่อความเข้าใจง่าย
วันที่หนึ่ง
ทริปนี้เอมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบิน AirAsia เที่ยวบินที่ FD 588 ทะยานออกจากน่านฟ้าไทยในเวลา 09:45 อย่างนิ่มนวลชวนหลับ แต่พอคอกำลังจะพับพี่แอร์คนสวยก็มาปลุกเรารับประทานอาหารร้อน ๆ แสนอร่อยบนเครื่อง ซึ่งมื้อนี้จะเป็น “ข้าวกะเพราะไก่สูตรหม่อมหลวงหน่อย” จ้า ซึ่งสำหรับเพื่อน ๆ ที่ขี้กังวลและอยากได้ความสะดวกสบายตอนเช็คอินและโหลดกระเป๋าเอมแนะนำให้ซื้อบริการเสริม Premium Flex นะ เพราะเราจะได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ดังนี้
- น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัมต่อคน
- เลือกที่นั่งมาตรฐานและ Hot Seat อาหารร้อน
- ความคุ้มครองกรณีสัมภาระล่าช้า เที่ยวบินล่าช้า และยกเลิกเที่ยวบิน
- จัดส่งสัมภาระและเช็คอินด่วน*
- เปลี่ยนวันเวลาเดินทางได้สองครั้งครับ
หากเธอขี้ง่วงบนเครื่อง เราคือเพื่อนกัน ทานเสร็จปุ๊บ กำลังจะหลับอีกรอบ แต่ทันที่ที่สติกำลังลางเลือนนั้น พี่แอร์เดินก็มากระซิบว่า “น้องจะตื่นกี่โมงคะ” (ล้อเล่นๆ) “เรากำลังบินเหนือแผ่นดินจีนแล้วนะคะ” และบัดนั้น ภาพที่เรามองทะลุเลยผ่านปีกเครื่องบินที่มีโลโก้กลมแดงอันแสนคุ้นตาไปเบื้องล่าง ก็จะมีผืนภูผาสูงตระหง่านสะดุดตาให้หัวใจเต้นระรัวแบบ เอ้ยยยยยยย นี่มันภาพวาดจีนที่เห็นพ่อแก่แม่เฒ่าชอบแขวนไว้ตามฝาผนังบ้านเลย เราจะใช้เวลาบินประมาณ 4 – 5 ชั่วโมงและพี่กัปตันสุดหล่อก็จะประกาศว่า “สาว ๆ คะ เครื่องจะลงแล้วค่าาาาาา”
ขั้นตอนต่อมา ก็เป็นการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเข้าเมืองครับ แจ้งกล่าวกันอีกครั้งนะครับ ณ เดือน มีนาคม และ เมษายน 2024 นี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศจีนจะฟรี VISA ไม่ต้องกรอก Health Declaration Form แต่ต้องกรอกใบ ตม. หรือ Arrival Card ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ นั้นเพื่อน ๆ สามารถดูรายละเอียดจากในส่วนแคปชั่นที่เอมเขียนไว้ได้เลยครับ
จากนั้นเราก็จะผ่านพี่ ๆ ตม. ใจดี และเตรียมเดินทางออกจากสนามบิน กดเรียก DIDI ไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูง Xian North Railway Station โดยค่าบริการของ DIDI นั้นจะอยู่ประมาณ 1,000 บาทนะครับ เราจะใช้เวลานั่ง DIDI สักพักเลย (ประมาณครึ่งชั่วโมงได้) ก็จะมาถึงสถานีรถไฟความเร็วสูง Xian North Railway Station เพื่อนั่งรถไฟความเร็วสูง หรือ เกาเถี่ยไปลงที่สถานี Luoyang Longmen
เมื่อมาถึง Xian North Railway Station เราต้องแสดงตั๋วรถไฟประกอบคู่กันกับ Passport เพื่อเข้าไปนั่งรอในตัวสถานีครับ ภายในสถานีรถไฟนั้นกว้างขวาง มีที่นั่งมากมาย เอนกายพักตั้งสติได้เลย
นอกจากนั้นที่นี่จะมีมินิมาร์ท คาเฟ่และร้านอาหารบริการเพียบ ส่วนใครจะประหยัดงบก็ซื้อแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วมาเติมน้ำร้อนฟรีได้เลย (ที่นี่มีบริการฟรี) สำคัญก็คือ เมื่อถึงเวลาใกล้ ๆ รถไฟออก Gate จะเปิดล่วงหน้าประมาณ 5 – 10 นาทีนะครับ อย่าลืมรีบเข้าไปเพื่อวางของจับจองที่นั่งให้เรียบร้อยและที่นี้ก็พักผ่อนตามอัธยาศัยได้เลย
พอได้เวลาออกเดินทาง รถไฟความเร็วสูงก็เคลื่อนตัวออกจากสถานี Xian North Railway Station เอมกับเพื่อนนั่งมองทัศนียภาพที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจากอาคารของเมืองซีอาน สู่ทุ่งหญ้าและไร่นาสีเขียว จากเมืองซีอานด้วยความไว้สามร้อยกว่า ๆ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราก็จะมาถึงเมือง ลั่วหยาง (Luoyang) ภายในเกือบสองชั่วโมงครับ
จากสถานี Luoyang Longmen เรียกรถ DIDI ไม่ถึงร้อยบาทเอมกับเพื่อนก็แบกร่างมาถึงที่พักในคืนแรก ซึ่งก็คือ Ibis Hotel (Luoyang Wangfujing Hotel หรือ Ibis Luoyang Railway Station)
ที่พักเมืองลั่วหยางแห่งนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยครับ ห้องน้ำสะอาด มีน้ำดื่มให้ มีเตียงให้เลือกทั้งแบบเตียงเดียวและคู่ มีอาหารเช้าบริการ แต่ว่าตัวอาคารอาจจะเก่า ๆ หน่อยนะครับ ข้อควรรู้เพิ่มเติมนิดหน่อยก็คือพนักงานที่นี่จะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะครับ เตรียม Google Translate ไว้ให้พร้อมจ้า
คืนนี้มีเวลาเหลืออีกนิด เอมออกมาเดินเล่นรอบ ๆ โรงแรมครับ ซึ่งรัศมีสี่เหลี่ยมประมาณ 2 – 3 กิโลเมตรนั้นจะเป็นโซนชีวิตกลางคืนของผู้คนที่เมืองลั่วหยาง มี Streetfood อร่อย ๆ ที่เรียกว่า โร่เจียโม๋ (肉夹馍 / roujiamo) หรือเบอร์เกอร์จีนที่ต้องชิมให้ได้นะครับ อ่ะๆ เดินเล่นจนเริ่มน่องตึงก็กลับไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตื่นเช้าออกเดินทางสู่หนึ่งในไฮไลท์ของทริปซึ่งก็คือ ถ้ำผาหลงเหมินในวันถัดไป
วันที่ 2
วันที่สองของทริป เราอาบน้ำแปรงฟันทานอาหารเช้า เช็คเอ๊าท์และฝากของไว้ที่โรงแรม นั่งรถไฟใต้ดินจาก Metro Luoyang Station ไป Baitang Staion และต่อ DIDI อีกนิดหน่อย และก็มาถึง ถ้ำผาหลงเหมิน | 龙门石窟 หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2543 เนื่องจากความงดงาม การแสดงถึงหลักฐานทางวัฒนธรรมและสติปัญญาอันชาญฉลาดของพี่น้องชาวจีนที่แกะสลักหน้าผาและภูเขาที่มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร
หลงเหมิน แปลว่า ประตูมังกร สถานที่แห่งนี้มีอายุราว 1,500 ปีสร้างขึ้นในราชวงศ์เว่ย (ค.ศ. 500) ใช้เวลาต่อเติมยาวนานกว่า 400 ปีและปัจจุบันจะมีคูหาที่เจาะไว้ประมาณ 2,100 แห่ง มีโพรงแท่นบูชา 2,345 ช่อง มีบันทึกต่างๆ มากกว่า 3,600 หลัก เจดีย์มากกว่า 50 แห่ง อีกทั้งพระพุทธรูปมากกว่า 100,000 องค์
มาถึงไฮไลท์ของถ้าผาหลงเหมินซึ่งก็คือ “อารามเฟิ่งเซียน” โดยอารามนี้จะตั้งอยู่บนหน้ผาสูงกว่า 40 เมตร ประดิษฐานพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ไวโรจนะ สูง 17.14 เมตร บางตำราอ้างว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์นี้มี Reference มาจาก “พระนางบูเช็กเทียน” จักรพรรดินีคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์จีน
สำหรับเพื่อน ๆ ที่จะมาเที่ยวที่ถ้าผาหลงเหมินนั้น เอมอยากให้เตรียมเวลามาสักครึ่งวันเลยครับ สถานที่จริงกว้างขวางมาก ประกอบกับการเดินขึ้นเดินลงบันไดบ่อย ๆ ทำให้อาจจะต้องพักร่างกายเป็นระยะ ๆ จินตนาการง่าย ๆ ก็คือเรากำลังเดินดูภูเขาทั้งลูกที่มีอยู่สองฝั่งแม่น้ำน่ะครับ มีร้านรวงต่าง ๆ ให้เราพักผ่อนหย่อนใจในราคาเยี่ยมชมแค่ประมาณ 450 บาทนั้นสำหรับเอมถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เลยนะ
เสร็จจากถ้ำผาหลงเหมินแล้วก็เป็นเวลาเที่ยงนิด ๆ พอดี เอมก็ใช้บริการ DIDI ไปวัดกวนหลิน หรือ Guanlin Temple (关林) ศาลเทพเจ้ากวนอูที่โด่งดังและว่ากันว่าเป็นที่ที่ฝั่งศีรษะของท่านครับ ศาลเจ้ากวนอูที่โด่งดังในเมืองจีนจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ที่ อีก 1 แห่งอยู่ที่มณฑลซานซี บ้านเกิดของกวนอู และอีกหนึ่งที่อยู่ที่มณฑลเสฉวน เมืองที่กวนอูร่วมศึกกับเล่าปีครับ
ภายในศาลเจ้ามีงานสถาปัตยกรรมที่น่าจะเล่าเรื่องราว ๆ ต่าง ๆ ในอดีตครับ มีพระพุทธรูปมากมายภายในตัวอาคารจีนโบราณ มีจุดให้เราสักการะ ว่ากันว่ากรณีมาแสวงบุญนั้นเราสามารถบนบานศาลกล่าวขอเกี่ยวกับทั้งการงาน โชคลาภ หรือให้ขจัดภัยพาลต่าง ๆ ต่อผู้คนที่ไม่คิดไม่ซื่อกับเราก็ได้ด้วยนะครับ
การเที่ยวศาลเจ้ากวนอูนั้นจะมีค่าเข้าอยู่ที่ 200 บาท และสำคัญก็คือตั๋วเข้านั้นเป็น 1 ตั๋วต่อ 1 การเข้าเยี่ยมชมนะครับ ออกมาแล้ว เดินกลับเข้าไปไม่ได้เด้อ และเมื่อเสร็จจากที่นี่แล้ว เราก็จะนั่ง DIDI ต่อกันไปอีก 30 นาทีเพื่อไป Lijingmen Scenic Area ครับ
ประตูเมืองลี่จิงเหมินนั้น สร้างขึ้นทางทิศตะวันตกของเมืองโบราณลั่วหยาง โดยจุดประสงค์เพื่อบูชาเทพเจ้าและปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่ราชวงศ์สุย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ครองราชย์สั้นมาก ๆ ทั้งด้วยศึกรอบด้านไม่ว่าจะในแผ่นดินตัวเองหรือเกาหลี และบางตำราก็อ้างว่า สุยหยางตี้ เจ้าเมืองสมัยนั้นค่อนข้างมักมากในกามอารมณ์ประมาณนี้ครับ อ่ะ ๆ กลับมาที่ประตูเมืองลี่จิงเหมินกันดีกว่าครับ 555
จุดเด่นของประตูเมืองลี่จิงเหมินนั้น หากมีเวลาเอมอยากให้มาเดินเที่ยวตอนเย็นครับ เพราะที่นี่นอกจะเป็นประตูเมืองแล้ว บริเวณติดกันนั้นยังมี Luoyang Old Street ด้วยครับ กล่าวคือเป็นถนนโบราณที่มีร้านค้าไม่ว่าจะเป็นของกิน ของที่ระลึก และมุมถ่ายรูปสวย ๆ ต่าง ๆ มากมายตามสไตล์หัวเมืองใหญ่ในประเทศจีน
สถานที่แห่งนี้เราจะใช้เวลาขั้นต่ำประมาณชั่วโมงนะครับ หลังจากนั้นเราก็จะรีบไปที่ Luoyang Longmen เพื่อนั่งรถไฟความเร็วสูงไปสถานี Huashan North (华山北) และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงโรงแรมที่หัวซานซึ่งก็คือ Jimo Cutural Inn
Jimo Cutural Inn เป็นอีกหนึ่งที่พักหัวซานที่เอมแนะนำ ข้อดีคือราคาน่ารัก พี่ที่โรงแรมแม้ว่าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยแต่ก็มีน้ำใจแบบหาที่สุดไม่ได้ ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันดุจโรงแรมสี่ห้าดาวในราคาเป็นมิตรมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นไดรฟ์เป่าผม แปรงสีฟัน น้ำร้อน น้ำอุ่น แถมมีชาอร่อย ๆ เสิร์ฟด้วยนะ และสำหรับมื้อเย็นนี้เราก็ฝากท้องกันที่ร้านซึ่งเป็นเครือญาตของโรงแรมครับ
วันที่ 3
เช้าวันที่สาม เอมกับเพื่อนก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าเหมือนเดิม วันนี้เรามีนัดหมายกันไปเที่ยวที่ภูเขาหัวซาน หรือฮวาซาน หรือ Mount Huashan ครับ อากาศวันนี้แอบไม่เป็นใจเล็กน้อยเพราะว่าฝนตก ฟ้ามืดมาตั้งแต่เช้าทำให้อุณหภูมิวันนี้อยู่ที่ประมาณ 9 – 10 องศาเองครับ อย่างไรก็ตาม มาถึงที่ทั้งทีจะไม่ไปเยือนอุทยานระดับห้าA ของแผ่นดินมังกรก็กระไรอยู่ รวมพลังใจแล้วขึ้นรถจากโรงแรมไปอุทยาน Mount Huashan กันครับ
Mount Huashan (华山) ภูเขาหัวซานเป็นอุทยานแห่งชาติระดับ 5A สมัยก่อนนั้นถือว่าเป็นเส้นทางเดินเขาที่ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากความสูงและสภาพพื้นเขาในการเดิน อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลจีนได้เข้ามาปรับปรุงให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสยอดเขาแห่งสวรรค์แห่งนี้มาได้ง่ายขึ้นครับ มีกระเซ้าที่มาส่งตามยอดต่าง ๆ มีร้านอาหารและจุดนั่งพักมากมาย
ข้อมูลเบื้องต้นก็คือที่นี่จะมียอดเขาทั้งหมดอยู่ 5 ยอดครับ ยอดเขาทิศตะวันออกเหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น ยอดทางใต้เป็นยอดที่สูงที่สุด ยอดทางตะวันตกจะเผยธรรมชาติที่สง่างาม ยอดทางเหนือจะชิดใกล้กับหมอกเมฆอะไรประมาณนี้ ซึ่งบางยอดนั้นก็จะมีกระเซ้าคอยรับนักท่องเที่ยวขึ้นลง
เมื่อเรามาถึงทางเข้าอุทยานนะครับ เราจะต้องเดินเข้าไปขึ้นรถบัสเพื่อที่จะไปยังคล้าย ๆ ฮอลล์ต้อนรับครับ ใครอยากกินข้าว อยากเข้าห้องน้ำ แนะนำว่าจัดการตัวเองให้เรียบร้อยตั้งแต่ตรงนี้
หลังจากฮอลล์ต้อนรับแล้วนั้น เราจะต้องเดินต่อมาอีกนิดนึง จากในภาพมองย้อนคุณตาไปจะเป็นฮอลล์ต้อนรับ เราจะต้องเดินมาอีกสักพักเพื่อมาถึงจุดนั่งกระเซ้านะครับ
ใครที่กลัวความสูงนั้น เอมอาจจะแนะนำว่าทำใจร่ม ๆ นั่งหลับตาดมยาดมก็ได้ครับ กระเซ้าที่นี่ค่อนข้างสูงเลยนะ แล้วก็จะมีช่วงสั่น ๆ ระหว่างเปลี่ยนรางเป็นระยะ แต่ปลอดภัยไม่ต้องกังวลน้า เสียดายวันที่ไปฝนลงเยอะพอตัว ภาพเลยไม่ค่อยชัดเท่าไร
พอมาถึงภูเขาหัวซานแล้วเพื่อน ๆ จะเลือกเดินไปทางไหนก็ได้ ค่อนข้างอิสระเลย เดินเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบ เหนื่อยก็พัก นั่งชมนกชมไม้ นั่งหาอะไรจิบหรือเพลิดเพลินกับอากาศเย็น ๆ ที่สวนทางกับบ้านเรามากเหลือเกิน 55
หากถามว่าอยากพาเด็กกับผู้สูงวัยมาได้ไหม คำตอบคือได้สบายมากครับ เพราะว่าเอมเดินสวนกับผู้สูงวัย และเด็กน้อยมากมาย อย่างไรก็ตามด้วยปริมาณคนที่มหาศาล บวกกับความลื่นของหินและหน้าผาที่ต้องเจอเป็นระยะ ก็อยากให้เอาความปลอดภัยเป็น First Priority นะครับ
บางยอดของภูเขาหัวซานนั้นเราจะรู้สึกเหมือนได้เดินใกล้ชิดกับสวรรค์จริง ๆ เพราะเบื้องหน้าจะเป็นก้อนเมฆใหญ่ที่ลอยตัวอยู่บนฟ้า สัมผัสไอหมอกเย็น ๆ ในขณะที่ทัศนียภาพด้านล่างคือเหวจ้า อ่ะ เอาเป็นว่าก็เป็นสรวงสวรรค์ในหลากหลายมิติอ่ะนะ
นอกเหนือจากความตื่นเต้นปนหวาดเสียวกับวิวสวย ๆ แล้ว บนภูเขาหัวซานนั้นก็มีวัดจีนมากมายเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนเนินเขาที่เราต้องอาศัยแรงข้อเข่าเล็กน้อย แล้วบางเนินต้องปีนโซ่ขึ้นไปด้วยนะครับ
หลังจากพิชิตภูเขาหัวซานเสร็จแล้ว เอมกับเพื่อนก็ย้อนกลับมาโรงแรมเพื่อเดินทางเข้าสู่เมือง Lintong โดยรถไฟแบบธรรมดาจากสถานีหัวซานครับ (สามารถให้พี่ที่โรงแรมกด DIDI ให้เราได้เลยนะ สำหรับตั๋วรถไฟรอบนี้เรามาซื้อที่สถานีรถไฟเลยครับ ราคาตกคนละร้อยนิด ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ นะ) มาเข้าพักที่โรงแรม Ibis Hotel (Terracotta Warriors Scenic Spot)
เช่นเดิมกับที่พักแนะนำเมื่อเพื่อน ๆ จะมาเที่ยวเพื่อนเยี่ยมชมสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นะครับ เมือง Lintong เป็นหนึ่งเมืองที่เพื่อน ๆ สามารถเลือกมาพักได้ จุดเด่นก็คือราคาไม่แพง แถมได้มาตรฐานการบริการที่ไว้ใจได้ ห้องสะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์และครบครันต่อการพักผ่อนในค่ำคืนอันเหน็ดเหนื่อยจากการท่องเที่ยวและเดินทางมาทั้งวันครับ
วันที่ 4
วันนี้สภาพอากาศที่แผ่นดินมังกรก็ยังโปรยฝนฉ่ำเย็นให้เราชุ่มใจ วันนี้เราตื่นเช้ากันกว่าเก่าเพราะว่าเพื่อนเอมที่อยู่ที่ซีอานเตือนมาว่า ที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ The Terracotta Warriors and Horses นั้นเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ และคนก็มาเยี่ยมชนกันอย่างเนืองแน่นตลอดวันครับ และสำหรับการเดินทางไปนั้นเราก็พึ่งพา DIDI เหมือนเดิมเลยจ้า
เราสามารถนั่งรถกอล์ฟไปส่งที่ตัวอาคารได้เลยนะครับในราคา 25 บาทตามภาพด้านซ้ายบน นอกจากนั้นเอมยังเก็บภาพบรรยากาศของผู้คนที่มากันตั้งแต่เช้า เช้าขนาดไหน? เช้าขนาดแบบพึ่งเปิดครับ เพราะเราก็มาตอนเข้าเปิดทันทีเช่นกัน แต่คนแน่นมาก 5555
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ The Terracotta Warriors and Horses (秦兵马俑和秦始皇陵墓)เป็นมหาสุสานของจักรพรรดิจีน “ฉินสื่อหวงตี้” หรือที่คนไทยเราเรียกว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน เป็นสุสานโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปีที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกและเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลกครับ
ข้อดีของการที่เราซื้อตั๋วเข้ามาล่วงหน้าจากประเทศไทยก็คือ เราไม่จำเป็นจะต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วตรงทางเข้าที่คนเยอะมาก ๆ ครับ ข้อควรรู้เพิ่มเติมคือตั๋วเข้าสุสานนั้นจะเปิดเป็นรอบ ๆ ยกตัวอย่างเช่นหากเราได้รอบตั๋วตอน 8.30 – 10.30 เราก็จะได้สิทธิการเข้าสุสานในเวลานี้ และคนที่ไม่มีตั๋วก็ต้องไปจองหลังรอบดังกล่าวเป็นต้นไปครับ
ภายในสุสานจะแบ่งหลุมสุสานออกเป็นทั้งหมดด้วยกัน 3 หลุมครับ หลุ่มที่ 1 จะเป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุด มีหุ่นดินเผากองทัพทหารมากกว่า 6,000 ตัว รถศึกและม้าเทียมอีกมากกว่า 40 คัน สำคัญที่สุดก็คือโครงหน้า และรายละเอียดของหุ่นในหลุ่มนี้ยังหลงเหลืออย่างชัดเจน ส่วนหลุมที่สองนั้นรู้สึกว่าจะยังขุดไม่เสร็จสมบูรณ์นะครับ ส่วนหลุมที่ 3 นั้นเป้นหลุ่มของทหารระดับแม่ทัพครับ
นอกเหนือจากหลุมสุสานซึ่งเป็นไฮไลท์หลักแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงทีมขุดสำรวจ มีร้านค้าร้านอาหารในบริเวณสุสานครับ ซึ่งเราสามารถใช้เวลาได้เรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบเท่าไร จุดที่แน่นที่สุดจะเป็นหลุมที่หนึ่งเท่านั้นครับ ที่เหลือเดินชิล ๆ เลย
ความโชคดีของเอมสำหรับทริปนี้แม้ว่าฝนจะโปรยปรายก็คือ ซากุระที่จีนกำลังบานพอดีเลยจ้า เลยได้เก็บภาพสวย ๆ มาฝากทุกคนกันนะครับ
และเมื่อเราเสร็จจากการชมสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลกกันแล้ว ในส่วนของทางออกทางนั้นคือดีงามทรามเชยเพราะว่าเขาจะมี Shopping Area ที่มีของซื้อของขายมากมายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าท้องถิ่น หรือสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ทั้ง Mcdonald, KFC, Starbuck หรือจะเป็น Streetfood ที่บริเวณทางออกของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้มีบริการนักเดินทางทุกคนครับ
หลังจากที่เอมกับเพื่อนเต็มอิ่มกับความอลังการจากขององค์พระจักรพรรดิ์ “ฉินสื่อหวงตี้” แล้วเราจะกลับมาเอากระเป๋าและสัมภาระที่โรงแรมก่อนจะนั่งรถไฟใต้ดินจาก Ibis Hotel (Terracotta Warriors Scenic Spot) ที่สถานี Yinqiaodadao ไป Zhonglou ไปที่พักสุดท้ายของเราที่อยู่ใจกลางเมืองซีอานกับ King Town No.1 Hotel
แทรกข้อมูลเพิมเติมเกี่ยวกับการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 3 เอมจะเข้าพักที่ Lintong ซึ่ง Lintong นั้นเป็นเขต ๆ หนึ่งในจังหวัดซีอานนะครับ ที่นี้พวกการเดินทางต่าง ๆ นับตั้งแต่ที่เอมมาถึง Lintong เพื่อน ๆ สามารถใช้ DIDI และรถไฟใต้ดินเป็นหลัก อีกทั้งนำไปประยุกต์เข้ากับการหาที่พักที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการได้เลยนะครับ ซึ่งในทริปเอมนั้นจะเน้นที่พักที่ใกล้ที่เที่ยวตามไฮไลท์ที่ไปครับ
หอระฆังและหอกลองแห่งซีอาน 西安钟楼 เมื่อเดินออกจากที่พักมาไม่เกิน 10 นาทีเราก็จะมาถึงหอระฆังและหอกลองแห่งซีอานเลยครับ ตัวหอระฆังนั้นสร้างจากอิฐและไม้ เป็นอาคารหลังสามชั้นด้วยความสูงทั้งหมด 36 เมตร ซึ่งรูปแบบสถาปัตยกรรมของตัวอาคารนั้นเด่นชัดด้วยรูปแบบของราชวงศ์หมิง ความสำคัญของทั้งสองสถานที่นั้นคือเป็นหอกลองและหอระฆังที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของจีนโบราณตลอดจนถึงปัจจุบัน
สำหรับวิธีการเข้าไปเยี่ยมชมนั้นเราสามารถไปซื้อตั๋วเข้าได้เลยครับ ซึ่งราคาเข้าต่อผู้ใหญ่หนึ่งคนนั้นจะตกอยู่ที่ประมาณเกือบสองร้อยบาท (35 หยวน) เมื่อซื้อเสร็จแล้วก็ส่งมอบตั๋วให้พี่พนักงานเขาดูพร้อมกับ Passport แล้วก็ขึ้นเยี่ยมชมด้านบนได้ครับ
โดยด้านหอกลองและหอระฆังจะมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้อมูลความเป็นมาต่าง ๆ นอกจากนั้นแล้วเรายังสามารถไปชื่นชันทัศนียภาพสวย ๆ ของเมืองซีอานได้ครับ อ่ะ ๆ เย็นนี้ยังมีเวลาเหลือ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปชมกำแพงเมืองซีอานยามค่ำคืนกันดีกว่าครับ
ป้อมปราการแห่งซีอาน (西安城墙) ป้อมปราการแห่งซีอาน กำแพงเมืองประวัติศาสตร์ที่เป็นระบบป้องกันทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ป้อมปราการที่ดูแลแผ่นดินจีนครอบคลุมถึง 22,400 ไร่ และมีทางเดินด้านบนที่ยาวถึง 13 กิโลเมตร
ป้อมปราการแห่งซีอานสร้างขึ้นในคริสศตวรรษ 14 ด้วยระยะเวลาเพียง 200 ปี ปัจจุบันก็กลายเป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นที่เตรียมเสนอเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้
ป้อมปราการแห่งซีอานประกอบด้วยประตูเมือง 4 ประตูและคอหอย 84 แห่ง ประตูเมืองแต่ละแห่งจะอยู่ตามทิศต่าง ๆ ของเมืองคือเหนือใต้ออกตกครับ ซึ่งการเดินทางนั้นเราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปได้ทุกที่เลย โดยเอมนั้นเลือกไปเยี่ยมชมกำแพงเมืองฝั่งทิศใต้ครับ
ฮืออ เอมมีโชคกับเขาบ้างแล้วทุกคน วันที่เอมไปนั้น (ช่วงมีนาคม 2024) บริเวณกำแพงเมืองซีอานยังคงประดับประดางานไฟ งานตกแต่งต่าง ๆ จากเทศกาลตรุษจีนครับ บนกำแพงเมืองจะมีการตกแต่งโคมไฟเป็นลวดลายต่าง ๆ เช่นมังกร จิ้งจอก ดอกบัว หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มีความหมายที่ดีงามในนัยของจีน พร้อมทั้งตั้งเรียงรายอยู่บนทางเดินให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูป เราอยู่ตรงนี้กันถึงประมาณสี่ทุ่มครับ แล้วก็กลับมาพักผ่อนเพื่อเตรียมเข้าสู่วันสุดท้ายของการเดินทาง
วันที่ 5
เช้าวันสุดท้ายกับทริป ซีอาน ลั่วหยาง หัวซาน เวลาเคลื่อนที่ไปไวเหมือนเงินในบัญชี ฮือออ สำหรับเช้านี้เอมจะพาเพื่อน ๆ ไปเก็บสองที่เที่ยวสุดท้ายที่ไม่ไกลจากที่พักซึ่งได้แก่ตลาดมุสลิมและมัสยิดใหญ่แห่งซีอาน รวมทั้งพาเพื่อน ๆ ไปชิมอาหารท้องถิ่นของซีอานซึ่งก็คือ “เปี๋ยงเปียงเมี่ยน” ครับ
ตลาดมุสลิม 北苑市场语言 เริ่มกันที่ตลาดมุสลิม สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่ง Streetfood ขึ้นชื่อของเมืองซีอาน ความประทับใจแรกก็คือเราจะเห็นพี่น้องสายเลือดแผ่นดินมังกรที่เลื่อมใสศรัทธาในศาสนาอิสลามเยอะมาก ๆ ด้วยความที่ว่าในสมัยราชวงศ์ถัง ชาวอาหรับได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาอิสลามและตั้งรกรากเพื่อทำการค้าในเส้นทางสายไหมนั่นเอง ดังนั้นจึงอย่าแปลกใจที่เราจะเห็นชาวบ้านที่นี่สวมใส่เครื่องแต่งกายแบบมุสลิม
สิ่งที่เอมอยากให้มาชิมที่นี่ก็คือพวกขนมและอาหารต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น”เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน” เป็นบะหมี่จีนประเภทหนึ่ง มีต้นกำเนิดอยู่ที่มณฑลฉ่านซี และด้วยตัวเส้นมีลักษณะใหญ่หนาและยาวเหมือนเข็มขัดจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “แปดสิ่งมหัศจรรย์” ของมณฑลฉ่านซี ส่วนที่มาของชื่อ มาจากเสียงของการนวดแป้งยามเนื้อแป้งกระทบโต๊ะครับ
เดินเล่นมาเรื่อย ๆ ก็จะมาพบกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของพี่น้องชาวอิสลามที่เราประทับใจมาก ๆ ซึ่งก็คือ “มัสยิดใหญ่แห่งซีอาน” 西安大清真寺
“มัสยิดใหญ่แห่งซีอาน” 西安大清真寺 มัสยิดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อมัสยิดฮว่าเจว๋ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความคุ้มครองในระดับชาติเนื่องจากความสำคัญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
โดยรวมแล้วลักษณะของมัสยิดจะเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างประติมากรรมแบบจีนโบราณสมัยราชวงศ์ถังท่ามกลางสวนสวยและพื้นที่กว่า 8 ไร่ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจคือสถาปัตยกรรมของที่นี่ดูเหมือนวัดจีนมากกว่าสถานที่สำคัญทางศาสนาอิสลามมาก ๆ ครับ
มัสยิดแห่งซีอานว่ากันว่าสร้างขึ้นในปี 742 เมื่อชาวอิสลามเคลื่อนพลมาพำนักยังแผ่นดินจีน เราจะพบกับซุ้มโค้งขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ ศิลาจารึกมากมายและเฟอร์นิเจอร์โบราณสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ในบางเวลาชาวมุสลิมก็จะมาประกอบศาสนพิธีซึ่งเราจะเข้าไปชมพิธีไม่ได้ (ยกเว้นเราจะนับถือศาสนาอิสลามน้า)
หลังจากนั้นเอมกับเพื่อนก็จะโบกมือลาเมืองซีอาน นั่ง DIDI กลับไปที่สนามบินประมาณ 1,000 บาทแล้วก็บินสบาย ๆ กับ AirAsia กลับบ้านอย่างสวัสดิภาพครับ
สรุปทริป
ทั้งหมดนี้ก็คือทริปตะลุยซีอาน ลั่วหยาง หัวซาน 5 วัน 4 คืน กับการเก็บสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลก 2 แห่งได้แก่ วัดถ้ำผาหลงเหมิน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ และอีกหนึ่งที่กำลังอุทยานแห่งชาติระดับ 5A ของจีนได้แก่ภูเขาหัวซาน ทริปนี้คือเก็บครบทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหารการกินน่ารัก ๆ ในงบประมาณที่ไม่แพงเลยและที่สำคัญมีบินตรงจากสายการบิน AirAsia หลังจากรีวิวนี้ เอมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ทุกคนน่าจะเปิดใจไปจีนไปด้วยกันน้า